วันจันทร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ. 2555


กรุงศรีกรุ๊ปรายงานผลกำไรสุทธิ 3.44 พันล้านบาท และความสำเร็จในการรวมกิจการธุรกิจสินเชื่อรายย่อยของเอชเอสบีซี



กรุงเทพฯ--20 เม.ย.--ธนาคารกรุงศรีอยุธยา
กรุงศรีกรุ๊ป (ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) และบริษัท ในเครือ) ได้รายงานผลประกอบการไตรมาสแรกปี 2555 โดยมีกำไรสุทธิสูงถึง 3.44 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 600% จากไตรมาสสี่ของปี 2554 หรือ 22% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมาสินเชื่อที่มีคุณภาพยังคงขยายตัวอย่างแข็งแกร่งที่ 3.5% โดยสินเชื่อที่ปล่อยใหม่ตั้งแต่สิ้นเดือนธันวาคม 2554 มีมูลค่า 23.9 พันล้านบาทหรือเพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบกับช่วงไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา ขณะเดียวกันสินเชื่อด้อยคุณภาพได้ลดลงอย่างมีนัยสำคัญ 4.9% จาก ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2554 และ มีสัดส่วนต่ำกว่า 3.6% ของสินเชื่อทั้งหมด สะท้อนให้เห็นถึงมาตรฐานการบริหารความเสี่ยงที่มีประสิทธิภาพและการแก้ปัญหาสินเชื่อด้อยคุณภาพอย่างต่อเนื่อง
ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิยังคงแข็งแกร่งที่ระดับ 4.24% ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงความสามารถของกรุงศรีกรุ๊ปในการรักษาอัตราผลตอบแทนของสินเชื่อในระดับที่น่าพอใจทั้งที่อัตราดอกเบี้ยนโยบายได้ลดลงใน เดือนมกราคมอีกทั้งภาวะการแข่งขันอย่างรุนแรงของอัตราดอกเบี้ยในตลาดเงินฝาก
มร. มาร์ค อาร์โนลด์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ กรุงศรีกรุ๊ป กล่าวว่า “ภายใต้กลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจ “กรุงศรี เรื่องเงิน เรื่องง่าย” ซึ่งมุ่งนำเสนอผลิตภัณฑ์และบริการทางการเงินที่เข้าถึงได้ง่ายและสะดวก ผลประกอบการของกรุงศรีกรุ๊ปในไตรมาสแรกของปี 2555 ได้แข็งแกร่งขึ้นอย่างต่อเนื่อง จนผลกำไรได้เพิ่มสูงขึ้นอย่างน่าพอใจ รวมถึงผลประกอบการอื่นๆ ที่สำคัญ โดยสินเชื่อที่มีคุณภาพเติบโต 3.5% ในไตรมาสแรก หรือเพิ่มขึ้น 15% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา”
“ที่สำคัญสินเชื่อรายย่อยของธนาคารและบริษัทในเครือได้เติบโตอย่างแข็งแกร่งที่ 7% ในช่วงไตรมาสแรกของปีนี้ เป็นผลมาจากความสำเร็จในการรวมกิจการของธุรกิจสินเชื่อรายย่อยของธนาคารเอชเอสบีซี ประเทศไทย ผนวกกับการเติบโตอย่างรวดเร็วจากธุรกิจที่มีอยู่ (organic growth) อันเป็นผลมาจากความต้องการของลูกค้าที่เพิ่มขึ้นหลังจากเหตุการณ์น้ำท่วมในปีที่แล้ว โดยปัจจุบันธุรกิจรายย่อยมีสัดส่วนคิดเป็น 47% ของพอร์ตสินเชื่อของกรุงศรีกรุ๊ป ซึ่งสะท้อนให้เห็นถึงการสร้างความสมดุลระหว่างพอร์ตสินเชื่อประเภทต่างๆ ได้อย่างเหมาะสม” มร. อาร์โนลด์ กล่าว
“เรามองว่าปี 2555 นี้จะเป็นปีที่ดีของกรุงศรีกรุ๊ปจากผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งโดยได้รับแรงสนับสนุนจากการขยายตัวของสินเชื่อและรายได้หลัก ซึ่งเป็นผลมาจากการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจอย่างต่อเนื่อง ความต้องการสินเชื่อเพื่อการก่อสร้างและฟื้นฟู และความต้องการรถยนต์และสินค้าคงทนที่เพิ่มสูงขึ้น ซึ่งความต้องการเหล่านี้เริ่มเห็นได้อย่างชัดตั้งแต่ไตรมาสแรกของปีนี้” มร. อาร์โนลด์ กล่าว
“ภารกิจหลักของเราในปีนี้ยังคงเป็น ‘การมุ่งสู่การเป็นธนาคารที่ลูกค้าเลือกใช้บริการเป็นอันดับแรก’ โดยการนำเสนอบริการและผลิตภัณฑ์ทางการเงินที่หลากหลายและครอบคลุมทุกความต้องการของลูกค้าด้วยความสะดวกและเรียบง่าย” มร. อาร์โนลด์ กล่าว
  ณ วันที่ 31 มีนาคม 2555 ธนาคารกรุงศรีอยุธยาซึ่งเป็นธนาคารที่มีขนาดใหญ่เป็นอันดับห้าของประเทศไทยมีเงินให้สินเชื่อรวม 742 พันล้านบาทและสินทรัพย์รวม 976 พันล้านบาท ธนาคารมีฐานเงินทุนที่แข็งแกร่งโดยมีอัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง (BIS Ratio) ที่ระดับ 16.04% โดยเป็นเงินกองทุน ชั้นที่ 1 (Tier 1) 11.62%
สรุปสาระสำคัญของผลประกอบการตามงบการเงินรวมของกรุงศรีกรุ๊ปสำหรับไตรมาสแรกปี 2555
  • การเติบโตของสินเชื่อที่มีคุณภาพ: เพิ่มขึ้น 3.5% หรือ 23.9 พันล้านบาทจาก ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2554
  • กำไรจากการดำเนินงาน: 7.17 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.7% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2554 หรือเพิ่มขึ้น 8.1% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2554
  • กำไรสุทธิ: 3.44 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 600% เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2554 หรือ 22% เมื่อเทียบกับ ไตรมาส 1/2554
  • ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM): รักษาระดับความแข็งแกร่งอยู่ที่ 4.24%
  • อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้: ปรับตัวดีขึ้นเป็น 49.4% จาก 50.9% ในไตรมาส 1/2554
  • สินเชื่อด้อยคุณภาพ (NPLs): ลดลง 4.9% มาอยู่ที่ 28.1 พันล้านบาท จาก 29.5 พันล้านบาท ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2554 และปัจจุบันมีสัดส่วนต่ำกว่า 3.6% ของสินเชื่อทั้งหมด
  • อัตราส่วนสำรองต่อหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้: เพิ่มขึ้นมาอยู่ที่ร้อยละ 114
  • รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิ: เพิ่มขึ้น 6.4% จากสิ้นเดือนธันวาคม 2554 หรือเพิ่มขึ้น 14% เมื่อเทียบกับไตรมาส 1/2554
  • การเติบโตของเงินทุน: เพิ่มขึ้น 14.8 พันล้านบาท หรือ 2.0% เมื่อเทียบกับเดือนธันวาคม 2554
  • อัตราส่วนเงินกองทุนต่อสินทรัพย์เสี่ยง: ลดลงเล็กน้อยมาอยู่ที่ 16.4% จาก 16.3% ณ สิ้นเดือนธันวาคม 2554 ท่ามกลางการขยายตัวอย่างแข็งแกร่งของสินเชื่อ

วันที่    20/04/55


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น